แพทย์ ชี้ กินอาหารเป็นยา ช่วยฟื้นคืนสุขภาพ


แนะรักษาได้ดี ลดค่าใช้จ่าย

            ปัจจุบัน แนวคิดเรื่องการกินอาหารเป็นยากำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่พยายาม หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของการกินยาแผนปัจจุบัน เนื่องจากอัตราการเกิดโรคที่เกิดจากวิถีการดำเนินชีวิต เช่น โรคหัวใจ มะเร็งก็สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ในขณะเดียวกันการรักษาด้วยยาบางครั้งก็มีผลข้างเคียงสูง ดังนั้น แนวคิดการรักษาโรคสมัยใหม่จึงเปลี่ยน การป้องกันและรักษาโรคโดยใช้สารธรรมจึงกลับก่อกระแสแรงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แพทย์ได้ตระหนักแล้วว่าการจ่ายยาเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคนไข้อีกต่อไป เมื่อหอมหัวใหญ่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ดีเทียบเท่ากับ ยารักษาโรคหัวใจที่ดีและแพงที่สุดในปัจจุบัน และนี่เองเป็นที่มาของแขนงความรู้ใหม่ food pharmacy หรือ การนำอาหารมาประสานใช้ในการรักษาโรคร่วมกับยา เพื่อลดอันตรายจากยา ลดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือ อาหารบางตัวมีฤทธิ์แรงกว่ายาเสียอีกหากใช้อย่างถูกวิธี

            ตัวอย่างเช่น

            กิน หัวหอมช่วยป้องกันโรคหัวใจ...จากการวิจัยพบว่า หัวหอมกว่า 300 ชนิดรวมทั้งสารไซโคลอัลนินซึ่งสามารถละลายลิ่มเลือดที่จับตัวอุดขวางทางเดิน เลือดได้ เพิ่มคอเลสเตอรอลดี ลดคอเลสเตอรอลรวม และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยกินหอมใหญ่ครึ่งหัวหรือหอมแดง 5-6 หัว (ต้องเป็นหอมสด) กินทุกวันอย่างน้อย 2 เดือนจะเห็นผล

            ชา สารพัดประโยชน์...ชาที่ว่านี้หมายถึง ชาจีน หรือชาฝรั่ง ที่เราชงดื่มประจำปรกติ ช่วยกระตุ้นให้สดชื่น ชาแก่ฝาดมีแทนนินช่วยระงับอาการท้องเสียแต่มันจะละลายออกจากใบชาอย่างช้าๆ ชาช่วยป้องกันฟันผุได้หากแช่ถุงชาไว้นาน 3 นาทีก่อนดื่ม ในใบชายังมีสารต้านมะเร็งใช้น้ำชาเป็นเครื่องดื่มแทนน้ำเวลากินอาหารทะเล ซึ่งช่วยยับยั้งสารไนโตรซามีนที่เป็นสารก่อมะเร็ง

            กะหล่ำ ปลี...ถ้ากินชนิดสีขาวสดๆช่วยป้องกันแผลจากกรดในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการแผลในลำไส้ การกินกะหล่ำปลีช่วยป้องกันเฉพาะมะเร็งในลำไส้เท่านั้น โดยอาจกินสลัดกะหล่ำปลีสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็นับว่าเพียงพอต่อการลดความเสี่ยงมะเร็งในลำไส้ได้ แต่กะหล่ำปลีเป็นอาหารแสลงสำหรับผู้ป่วยไทรอยด์ เพราะมีสารกอยโทรเจน ซึ่งลดระดับไทรอกซินในเลือดได้หากกินติดต่อกันนาน 60 วัน

            พริก สีสดลดโรคา...พริกมีสารแคปไซซินซึ่งมีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับเสมหะ ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งในคนที่เป็นหวัด ช่วยให้อาการหอบหืดหรือหลอดลมอักเสบเรื้อรังทุเลาลง พริกสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ โดยช่วยสลายลิ่มเลือดภายหลังกินพริกไปครึ่งชั่วโมง

            ไวน์ โอสถรสเยี่ยม...นักวิจัยจากอังกฤษพบว่า การดื่มไวน์วันละแก้วส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (เอชดีแอล) สูงขึ้นถึง 7% นักวิจัยพบว่าสารประกอบฟีโนลิคหลายชนิดในชา กาแฟ ไวน์ และอาหารรสฝาดช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งได้ ไวน์อาจช่วยกระตุ้นความอยากอาหารในผู้สูงอายุ แต่ระวังน้ำหนักตัวขึ้น และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นอาหารแสลงโรคเก๊าท์

            แค รอท...ซึ่งอุดมด้วยสารเบตาแคโรทีน นักวิจัยพบว่าสารนี้ช่วยป้องกันมะเร็งปอดได้กว่าครึ่งแม้ในคนที่เลิกสูบ บุหรี่ใหม่ๆ ซึ่งมีแนวโน้มเป็นมะเร็งกล่องเสียง หากต้องการผลสูงสุดควรกินแครอทสุกด้วยความร้อน เพราะแครอทสุกจะปล่อยแคโรทีนออกมาถึง 5 เท่าของแครอทดิบ

            พริก ไทยราชาเครื่องเทศ...คนโบราณใช้ผสมเหล้าโรงกินเพื่อขับลม พริกไทยช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ขับเสมหะ หอบ ไอ สะอึก แพทย์แผนปัจจุบันพบว่า พริกไทยช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำลาย และน้ำย่อย กระเพาะลำไส้เคลื่อนไหวย่อยอาหารได้ง่าย การดมน้ำมันสกัดจากพริกไทยแทนบุหรี่ช่วยลดอาการอยากบุหรี่ และอาการหงุดหงิดได้ดี

            ส้ม และมะนาว...อุดมด้วยวิตามินซี เพราะส้ม 1 ผล ให้วิตามินซีประมาณ 60 มิลลิกรัม ซึ่งมากพอกับความต้องการใน 1 วัน เปลือกพืชตระกูลส้มมีสารเพกทิน ในทางการแพทย์พบว่า เพกทินช่วยลดคอเลสเตอรอล สำหรับผู้ที่มีอาการไอจากการเป็นหวัดลองผสมน้ำผึ้งในน้ำมะนาวเท่าๆกันจิบ ครั้งละนิดบ่อยๆครั้ง อาการไอจะทุเลาลง

            โยเกิร์ตยาอายุวัฒนะ...โยเกิร์ตอุดมด้วยวิตามิน แคลเซียม โยเกิร์ตอุดมด้วยสารไขมันที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเรียกว่า พรอสทาแกลนดินช่วย ปกป้องผนังกระเพาะจากสารกระตุ้นหลายตัว เช่น แอลกอฮอล์ และบุหรี่ ปัจจุบันสารนี้ถูกนำไปใช้สังเคราะห์เป็นยารักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้

            กาแฟ ดำข้นรสเข้ม...กาแฟมีคาเฟอีนเป็นสารออกฤทธิ์เร็ว เพียง 5 นาทีจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และในเวลา 20-30 นาที ก็จะถูกลำเลียงขึ้นสู่สมองพร้อมที่จะออกฤทธิ์จนถึงจุดสูงสุดมันจะเริ่มลด ระดับลงช้าๆ แต่เมื่อผ่านไป 3-6 ชั่วโมง ฤทธิ์จะคงอยู่ครึ่งหนึ่ง กาแฟช่วยกระตุ้นสมองลดอาการซึมเศร้าได้ นอกจากนี้กาแฟยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมให้กลายเป็นพลังงาน อย่างไรก็ตาม การศึกษาพบว่ากาแฟไม่เกิน 6 ถ้วยต่อวัน ไม่มีผลต่อความดันเลือดในระยะยาว การดื่มกาแฟวันละ 2 ถ้วย เป็นปริมาณที่ปลอดภัยที่สุด และควรดื่มพร้อมอาหารเช้าเพื่อความสดชื่น การดื่มกาแฟพร้อมสูบบุหรี่ทำให้ความดันสูงได้ถึงขั้นเป็นอันตรายสำหรับผู้ ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว

ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น