โรคความดันโลหิตสูง หรือที่เรียกว่า "ฆาตรกรเงียบ" เนื่อง
จากผู้ป่วยจะไม่มีอาการแสดงออกอย่างชัดเจน หากไม่ดูแลและควบคุม
จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เกิดโรคแทรกซ้อนจนเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคไต
และโรคหัวใจล้มเหลวได้อย่างเฉียบพลันปัจจุบันโรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหา
มากในผู้สูงอายุ
โรคนี้มีอันตรายสูงเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าตนเองมีความดัน
โลหิตสูงเพราะไม่มีอาการผิดปกติ การตรวจพบความดันโลหิตสูงได้แต่เนิ่น
จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาและควบคุมอาการ
เนื่อง
ในวันความดันโลหติสูงโลกซึ่งกำหนดให้วันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี
เป็นวันความดันโลหิตสูงโลก
เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความอันตรายและวิธีการป้องกันและควบคุมโรค
ความดันโลหิตสูง ดร.นพ.เจย์ ลี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเพศชาย
โรงพยาบาลรอคกี้วิลล์ เจอเนอรัล ประเทศแคนาดา
จึงให้คำแนะนำเกี่ยวกัลป์การดูแลตัวเองให้ห้างไกลจากภาวะความดันโลหิตสูง
"ความ
ดันโลหิตปกติ คือ มีความดันเลือดสูงสุดขณะหัวใจบีบตัวน้อยกว่า 120
และความดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัวต้องน้อยกว่า 80 ตัวอย่างเช่น 119/79 mm mg ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่มีความดันเลือดอยู่ในระดับอันตรายคือ 140/90 mm hg และ
130/80
สำหรับผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงส่วนสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงนั้นร้อยละ
90-95 ไม่ทรายสาเหตุที่แน่ชัดอาจเนื่องมาจากกรรมพันธุ์และอื่นๆ
มีเพียงร้อยละ 5-10 เท่านั้นที่ทราบสาเหตุ เช่น ไขมันในเลือดสูง เครียด
โรคอ้วน
ทั้งนี้ถ้าสามารถลดปัจจัยที่เป็นสาเหตุได้โอกาสการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง
เพราะความดันโลหิตสูงนำไปสู่โรคที่บั่นทอนชีวิตและสุขภาพ อาทิ โรคหัวใจ
โรคไตและยังนำไปสู่โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ซึ่งผู้ชายจำนวนมากอาจยังไม่ทราบถึงความเกี่ยวข้องระหว่างสองโรคนี้"
ดร.นพ.เจีย์ ลี กล่าว "ความปลอดภัย
ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำขนาดยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย" ดร.นพ.เจย์ ลี
กล่าวเพิ่มเติม
"ข้อ
ดีของปัญหาความดันโลหิตสูงอยู่ที่แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุของโรคที่แน่ชัด
แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและสำหรับผู้ที่ป่วย
เป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้วก็สามารถควบคุมอาหารของโรคได้ง่ายๆ
ด้วยการพยายามควบคุมน้ำหนัก รับประทานผักและผลไม้สด
เนื่องจากมีโพรแทสเซียมสูง รวมถึงรับประทานโฮลเกรนและอาหารที่มีไขมันต่ำ
ซึ่งอาหารที่มีประโยชน์มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ป่วยควรลดการรับประทานเกลือและโซเดียม จะช่วยในการลดระดับความดันเลือด
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด" ดร.นพ.เจีย์ ลี กล่าวสรุป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น